ปิงปอง ลูกตัด

ปิงปอง ลูกตัด

เทคนิคในการเล่น ปิงปอง ลูกตัด มีอยู่ด้วยกันหลายอย่าง ซึ่งหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมกันอย่างมากก็คือ ปิงปองลูกตัด ซึ่งเป็นพื้นฐานของการฝึกกลยุทธ์ในกีฬาปิงปอง เพราะสามารถตีให้ลูกหมุนได้หลากหลายแบบ ซึ่งในบทความนี้เราจะมาพูดถึงการเล่นลูกชนิดนี้ให้ทุกคนได้รู้จักกันมากขึ้น

วิธีการเล่น ปิงปอง ลูกตัด แบบท็อปสปินและแบ็คสปิน

สำหรับผู้ที่สนใจเล่นกีฬาปิงปองและต้องการฝึกวิธีการตีขั้นพื้นฐาน อย่างปิงปองลูกตัดแบบท็อปสปินและแบ็คสปินให้มีความคล่องแคล่ว สามารถทำได้ดังต่อไปนี้

  1. ก่อนเริ่มต้นฝึกฝนการใช้เทคนิคปิงปองลูกตัดที่เป็นเทคนิคขั้นสูง คุณต้องเข้าใจพื้นฐานของการเล่นปิงปองก่อน เช่น การจับไม้ปิงปอง, การตีปิงปองขั้นพื้นฐานทั้ง 4 แบบ และการเสิร์ฟปิงปองขั้นพื้นฐาน ซึ่งเมื่อคุณเชี่ยวชาญพื้นฐานแล้ว คุณก็พร้อมที่จะก้าวไปสู่ระดับสูงของปิงปองในขั้นต่อไป
  2. ใช้ทฤษฎีเบื้องหลังปิงปองลูกตัด โดยสปินพื้นฐานมี 3 ประเภท คือ ท็อปสปิน, แบ็คสปิน และสปินด้านข้าง ซึ่งฟิสิกส์เบื้องหลังการหมุนแต่ละครั้งเกือบจะเหมือนกัน คือ เมื่อลูกบอลหมุนกลางอากาศ ความแตกต่างของความกดอากาศระหว่างด้านบน ด้านหลัง และด้านข้างของลูกบอล ทำให้ลูกบอลโค้งและตกลงอย่างรวดเร็ว เมื่อลูกบอลสัมผัสกับโต๊ะ การหมุนและความกดอากาศที่อยู่เบื้องหลังจะทำให้ลูกบอลเร็วขึ้นหรือช้าลง
  3. การเล่นปิงปองลูกตัดแบบท็อปสปิน เป็นจังหวะที่สำคัญที่สุดจังหวะหนึ่ง คุณสามารถส่งแรงหนัก ๆ ให้กับลูกบอล แต่แทนที่จะพุ่งทะยานออกจากโต๊ะ บอลจะโค้งลงและฟาดไปอีกด้านหนึ่ง ในช่วงเริ่มต้นให้เริ่มจังหวะการตีของคุณที่ด้านล่างและด้านหลังลูกบอล จากนั้นรอให้ลูกบอลเด้งออกจากโต๊ะของคุณขึ้นไปแล้วขยับแขนไปข้างหน้าและข้างบน ปัดลูกบอลเป็นมุม 45 องศาจากตำแหน่งที่สูง ให้วิถีของลูกบอลโค้งลงรับความเร็วหลังจากที่มันกระดอนออกจากโต๊ะ
  4. ส่วนแบ็คสปินให้วางจังหวะของคุณไว้ด้านหลังและเหนือลูกบอล ในขณะที่ลูกบอลตกลงบนไม้แล้วเคลื่อนที่จากตำแหน่งสูงไปต่ำ ให้ทำการปัดลูกบอลบนพื้นผิวด้านล่างโดยมีแรงเคลื่อนไปข้างหน้า ระดับของการหมุนจะส่งผลต่อสิ่งที่ลูกบอลจะทำเมื่อกระทบโต๊ะ ด้วยการหมุนที่ทรงพลังยิ่งขึ้น ลูกบอลสามารถเด้งขึ้นตรงหรือถอยหลังได้

เมื่อได้รู้จักกับการเล่น ปิงปองลูกตัด กันมากขึ้นแล้ว หลายคนคงอยากจะทดลองเล่นปิงปองด้วยวิธีนี้กันมากขึ้น ซึ่งหากฝึกฝนอย่างจริงจัง สามารถที่จะใช้เป็นเทคนิคเด็ดนี้เพื่อเอาชนะคู่ต่อสู้ได้มากขึ้นอย่างที่ต้องการแน่นอน

การตีลูกตัด (โฟร์แฮดน์,แบ๊คแฮนด์)

ปิงปอง ลูกตัด ลูกเบสิก ฝึกตีลูกคัตนี้ จุดประสงค์เพื่อให้นักกีฬาได้ฝึกสร้างการหมุนลูกปิงปอง และการสกัดกั้นเป็นรากฐานที่สำคัญของกลยุทธ์การฝึกอบรมใดๆ ในเกมปิงปอง คุณสามารถตีลูก หมุนลูก และติดตามลูกด้วยวิธีต่าง ๆ ดังนั้นสิ่งที่คุณต้องทำคือฝึกฝนพื้นฐาน เพื่อสร้างการหมุนลูกปิงปอง ดูคลิปวิดีโอด้านบนเพื่อดูตัวอย่างวิธีการตีลูกปิงปองด้วยโฟร์แฮนด์ของคุณ เป็นวิธีปฏิบัติ สังเกตท่าทางและจังหวะของผู้ชุมนุม

ลักษณะการสัมผัสของหน้าไม้ กับ ลูกปิงปอง

ให้หน้าไม้ปิงปอง สัมผัสถูกลูกปิงปอง ในลักษณะ เสียดสีกับผิวของลูกปิงปอง เพื่อให้เกิดความหมุน โดยให้หน้าไม้พุ่งเข้าหาเน็ตปิงปอง และเมื่อมีความชำนาญแล้ว นักกีฬาสามารถพลิกแพลงลักษณะของหน้าไม้ในการเข้าไปตัดข้างลูกปิงปองทั้งด้านซ้ายและขวาได้ ซึ่งจะทำให้การตัดลูกมีประสิทธิภาพที่หลากหลายขึ้น

เป้าหมายการฝึก

มีเป้าหมายในการฝึก โดยเน้นท่าทางให้ถูกต้อง สวยงาม  และ  นับเป็นจำนวนครั้งที่จะต้องตีให้ได้อย่างต่อเนื่อง  ตั้งแต่ 50 ครั้งขึั้นไป ในการฝึกแต่ละที  หากตีเสียเองให้เริ่มต้นนับใหม่

การถ่ายน้ำหนักตัว

สำหรับผู้เล่นมือขวา ให้ก้าวท้าวขวาเข้าไปหาลูกปิงปอง พร้อมกับถ่ายน้ำหนักตัวไปที่ปลายเท้าขวาด้วยทุกครั้ง (นักกีฬามือซ้ายให้ถ่ายน้ำหนักตัวไปที่เท้าซ้าย)

การ topspin ลูกตัดหนัก

ในการท็อปสปินลูกที่ตัดยากมาก คุณต้องท็อปสปินหัวไม้ในมุมที่สูงมากจนถึงด้านบน เพียงแค่ดันไม้ไปข้างหน้าแล้วลูกบอลก็จะติดตาข่าย เมื่อฉันเริ่มเล่นเทเบิลเทนนิสอย่างจริงจังตอนเรียนปี 1 ฉันเริ่มเรียนลูกท็อปสปินอีกครั้ง แต่หลังจากเจอคนที่ตัดเก่ง ฉันกำลังตีลูกท็อปสปิน และฉันก็ติดเน็ต แต่ก็แก้ไขไม่ได้ มัน. ฉันทำ. พี่เหลิมสอนผมว่าอยากให้บอลพุ่งขึ้นให้กรีดแรงตอนบอลลงมา เมื่อเขาตัดบอลและชนโต๊ะบอลจะกระดอนไปยังจุดสูงสุดและกำลังตกลงสู่จุดสูงสุด อันดับแรก ตาข่ายสูง เด็กหลายคนตีเบสิคแต่ผมพบว่าผมไม่สามารถ Dunk ลูกหนักขึ้นไป Topspin ได้ วันนี้ผมเอาวิธี Hard Topspin มาให้ศึกษา

วิธีการเล่นกีฬาปิงปอง หรือ เทเบิลเทนนิส

  1. การส่งลูกที่ถูกต้อง ลูกจะต้องอยู่ที่ฝ่ามือแล้วโยนขึ้นไปในอากาศ สูงไม่น้อยกว่า 16 เซนติเมตร
  2. การรับลูกที่ถูกต้อง เมื่อลูกเทเบิลเทนนิสถูกตีข้ามตาข่ายมากระทบแดนของตนครั้งเดียว ต้องตีกลับให้ข้ามตาข่าย หรืออ้อมตาข่ายกลับไป ลูกที่ให้ส่งใหม่ คือ ลูกเสิร์ฟติดตาข่าย แล้วข้ามไปตกแดนคู่ต่อสู้หรือเหตุอื่นที่ผู้ตัดสินเห็นว่าจะต้องเสิร์ฟใหม่
  3. การแข่งขันมี 2 ประเภท คือ ประเภทเดี่ยวและประเภทคู่
  4. การนับคะแนน ถ้าผู้เล่นทำผิดกติกา จะเสียคะแนน
  5. ผู้เล่นหรือคู่เล่นที่ทำคะแนนได้ 11 คะแนนก่อน จะเป็นฝ่ายชนะ ยกเว้นถ้าผู้เล่นทั้งสองฝ่ายทำคะแนนได้ 10 คะแนนเท่ากันจะต้องเล่นต่อไป โดยฝ่ายใดทำคะแนนได้มากกว่าอีกฝ่ายหนึ่ง 2 คะแนน จะเป็นฝ่ายชนะ
  6. การแข่งขันประเภททีมมี 2 แบบ คือ
    6.1. SWAYTHLING CUP มีผู้เล่นครั้งละ 3 คน
    6.2. CORBILLON CUP มีผู้เล่นครั้งละ 2 – 4 คน

 

บทความที่เกี่ยวข้อง