ประวัติ ปิงปอง ใน ต่าง ประเทศ

ประวัติ ปิงปอง ใน ต่าง ประเทศ

ประวัติ ปิงปอง ใน ต่าง ประเทศ เท่าที่มีหลักฐานบันทึกพอให้ค้นคว้า ทำให้เราได้ทราบว่ากีฬาเทเบิลเทนนิสได้เริ่มขึ้นที่ประเทศอังกฤษ ในปี ค.ศ. 1890 ในครั้งนั้น อุปกรณ์ที่ใช้เล่นประกอบด้วย ไม้ หนังสัตว์ ลักษณะคล้ายกับไม้เทนนิสในปัจจุบันนี้ หากแต่ว่าแทนที่จะขึงด้วยเส้นเอ็นก็ใช้แผ่นหนังสัตว์หุ้มไว้แทน ลูกที่ใช้ตีเป็นลูกเซลลูลอยด์ เวลาตีกระทบถูกพื้นโต๊ะและไม้ก็เกิดเสียง “ปิก-ป๊อก” ดังนั้น กีฬานี้จึงถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งตามเสียงทีได้ยินว่า “ปิงปอง” (PINGPONG) ต่อมาก็ได้มีการวิวัฒนาการขึ้นโดยไม้หนังสัตว์ได้ถูกเปลี่ยนเป็นแผ่นไม้แทน ซึ่งได้เล่นแพร่หลายในกลุ่มประเทศยุโรปก่อน

วิธีการเล่นในสมัยยุโรปตอนต้นนี้เป็นการเล่นแบบยัน (BLOCKING)และแบบดันกด(PUSHING)ซึ่งต่อมาได้พัฒนามาเป็นการเล่นแบบBLOCKINGและCHOP การเล่นถูกตัด ซึ่งวิธีนี้เองเป็นวิธีการเล่นที่ส่วนใหญ่นิยมกันมากในยุโรป และแพร่หลายมากในประเทศต่างๆทั่วยุโรป การจับไม้ก็มีการจับไม้อยู่ 2 ลักษณะ คือ จับไม้แบบจับมือ(SHAKEHAND)ซึ่งเราเรียกกันว่า“จับแบบยุโรป”และการจับไม้แบบจับปากกา (PEN-HOLDER) ซึ่งเราเรียกกันว่า “จับไม้แบบจีน” นั่นเอง

ในปี ค.ศ. 1900 เริ่มปรากฏว่า มีไม้ปิงปองที่ติดยางเม็ดเข้ามาใช้เล่นกัน ดังนั้นวิธีการเล่นแบบรุกหรือแบบบุกโจมตี(ATTRACKหรือ OFFENSIVE) เริ่มมีบทบาทมากยิ่งขึ้น และยุคนี้จึงเป็นยุคของนายวิตเตอร์ บาร์น่า(VICTOR BARNA) อย่างแท้จริงเป็นชาวฮังการีได้ตำแหน่งแชมเปี้ยนโลกประเภททีม รวม 7 ครั้ง และประเภทชายเดี่ยว 5 ครั้ง ในปี ค.ศ.1929-1935 ยกเว้นปี 1931 ที่ได้ตำแหน่งรองเท่านั้นในยุคนี้อุปกรณ์การเล่น โดยเฉพาะไม้มีลักษณะคล้ายๆกับไม้ในปัจจุบันนี้วิธีการเล่นก็เช่นเดียวกันคือมีทั้งการรุก(ATTRACK)และการรับ(DEFENDIVE)ทั้งด้าน FOREHAND และ BACKHAND การ จับไม้ก็คงการจับแบบ SHAKEHAND เป็นหลัก ดังนั้นเมื่อส่วนใหญ่จับไม้แบบยุโรป แนวโน้มการจับไม้แบบ PENHOLDER ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปมีน้อยมากในยุโป ในระยะนั้นถือว่ายุโรปเป็นศูนย์รวมของกีฬาปิงปองอย่างแท้จริง

ประวัติ ปิงปอง ใน ต่าง ประเทศ ข้อมูล กีฬาปิงปอง

เทเบิลเทนนิสเริ่มขึ้นครั้งแรกในประเทศอังกฤษเมื่อปี พ.ศ. 2433 (พ.ศ. 2433) ในสมัยก่อนอุปกรณ์ในการเล่นปิงปองจะเป็นไม้ที่หุ้มด้วยหนังสัตว์ ลูกตีเป็นลูกเซลลูลอยด์คล้ายไม้ปิงปองในปัจจุบัน ทำจากพลาสติกกึ่งสังเคราะห์จนกระทั่งลูกบอลกระทบโต๊ะและแร็กเกตส่งเสียง ‘บี๊บ’ กีฬานี้เรียกว่า ‘ปิงปอง’ และได้รับความนิยมในประเทศแถบยุโรปมาระยะหนึ่งแล้ว ฉันอยู่ที่นั่น

วิธีการเล่นของชาวยุโรปในยุคแรกคือการเล่นแบบลีน (BLOCKING) และการผลัก (PUSHING) ซึ่งต่อมาได้พัฒนาเป็นการเล่นแบบ BLOCKING และ CROP หรือที่เรียกว่าการเล่นแบบตัด วิธีการเล่นนี้เป็นที่นิยมมากในยุโรป การถือต้นไม้มีสองลักษณะ วิธีจับปากกาไม้ (PEN-HOLDER) เรียกว่า “European grip” “ด้ามไม้จีน”

ในปี พ.ศ. 2443 (พ.ศ. 2443) มีการหันมาใช้ไม้ปิงปองหุ้มยางเม็ดแทนหนังสัตว์) เริ่มมีบทบาทมากขึ้น (ATTRACK หรือ OFFENSIVE) ยังนิยมด้ามไม้แบบยุโรป ยุโรปจึงเป็นศูนย์กลางของกีฬาเทเบิลเทนนิส

ปลายปี พ.ศ. 2465 (พ.ศ. 2465) ได้ก่อตั้งบริษัทค้าเครื่องกีฬาขึ้น ผมจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า “ปิงปอง” ก็เลยต้องเปลี่ยนชื่อปิงปองเป็น “ปิงปอง” กีฬาเทเบิลเทนนิส และในปี พ.ศ. 2469 (พ.ศ. 2469) ได้มีการประชุมจัดตั้งสหพันธ์เทเบิลเทนนิสนานาชาติ (International Table Tennis Federation: ITTF) จัดขึ้นที่ลอนดอนในเดือนธันวาคม กับการแข่งขันเทเบิลเทนนิสชิงแชมป์โลก ครั้งที่ 1 ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรก

และในปี พ.ศ. 2493 (พ.ศ. 2493) เป็นช่วงเวลาที่ประเทศญี่ปุ่นหันมาสนใจกีฬาเทเบิลเทนนิสมากขึ้น เราได้ปรับวิธีการเล่นโดยเน้นที่ ญี่ปุ่นเข้าแข่งขันเทเบิลเทนนิสระดับโลกครั้งแรกเมื่อปลายปี พ.ศ. 2495 (พ.ศ. 2495) โดยใช้จังหวะของปลายเท้าในการตีที่แม่นยำและหนักหน่วง ที่เมืองบอมเบย์ อินเดีย และสาธารณรัฐประชาชนจีน ในปี พ.ศ. 2496 (พ.ศ. 2496) ได้เข้าร่วมการแข่งขันเป็นครั้งแรกที่เมืองบูคาเรสต์ โรมาเนีย ดังนั้นเทเบิลเทนนิสจึงกลายเป็นกีฬาระดับโลกอย่างแท้จริง ในญี่ปุ่นในช่วงเวลานี้ ด้ามไม้ใช้สำหรับจับปากกา จากนั้นจึงพัฒนาไม้ปิงปองโดยใช้ยางฟองน้ำที่มีสิวเสี้ยน นอกจากยางชนิดเม็ดเดิมที่ใช้กันทั่วโลกแล้ว

ยุโรปก้าวหน้าอย่างแม่นยำในศิลปะการเล่น นอกจากนี้ ระยะการสวิงยังแคบกว่าญี่ปุ่นที่การโจมตีต่อเนื่องเน้นที่ปลายเท้า ทำให้ญี่ปุ่นสามารถชนะเกมยุโรปได้ จากจุดเริ่มต้น หลายๆ ประเทศจะสังเกตเห็นวิธีการเล่นของญี่ปุ่น มันเป็นเกมที่ค่อนข้างอันตราย อย่างไรก็ตาม ญี่ปุ่นสามารถชนะการแข่งขันได้หลายปีติดต่อกัน เรียกได้ว่าเป็นยุคมืดของยุโรปอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

ในที่สุดสิ่งต่าง ๆ ก็เปลี่ยนไป เมื่อสาธารณรัฐประชาชนจีนสามารถเอาชนะญี่ปุ่นได้อย่างรวดเร็ว ผสมอารักขาที่จีนศึกษาการเล่นของญี่ปุ่นก่อนนำมาปรับใช้ให้เข้ากับรูปแบบการเล่นที่จีนถนัดจนกลายเป็นการเล่นของจีนในปัจจุบัน

หลังจากนั้นยุโรปก็เริ่มฟื้นตัวอีกครั้ง ทศวรรษที่ 1970 (พ.ศ. 2513) เป็นปีที่ความขัดแย้งระหว่างผู้เล่นชาวยุโรปเนื่องจากการปรับปรุงวิธีการเล่นของอินเดีย และนักกีฬาเอเชีย อย่างไรก็ตาม นักกีฬาญี่ปุ่นมีอายุมากขึ้น นักกีฬายุโรปรุ่นใหม่เก่งขึ้นเรื่อยๆ ช่วยให้ยุโรปคว้าแชมป์โลกชายเดี่ยวได้สำเร็จ

และในปี พ.ศ. 2514 (ค.ศ. 1971) นักเทเบิลเทนนิสชาวสวีเดนชื่อ Stellan Benksson ได้เปิดศักราชใหม่ให้กับชาวยุโรปในปี พ.ศ. 2516 (พ.ศ. 2516) ทำให้ทีมสวีเดนสามารถคว้าแชมป์โลกได้ จึงทำให้ความมั่นใจแก่ชาวยุโรปในแนวทางการเล่นที่ดีขึ้น ดังนั้น ผู้เล่นชาวยุโรปและผู้เล่นชาวเอเชียจึงเป็นคู่แข่งสำคัญ ขณะที่การเล่นของผู้เล่นในกลุ่มประเทศอาหรับและละตินอเมริกาเริ่มก้าวหน้าเร็วกว่าความรู้ทางเทคนิค กลับมามีบทบาทอีกครั้ง

ต่อมาได้มีการพัฒนาเทคนิคในการเปลี่ยนหน้าไม้ในขณะเล่นลูก ปรับปรุงหน้าไม้ด้วยยางปิงปอง โดยใช้ยางที่เปลี่ยนวิถีการหมุนได้ด้วยความยาวของเม็ดยางที่มากกว่าปกติ และทิศทางบอลเข้าได้. ด้วยวิวัฒนาการของอุปกรณ์ และวิธีการเล่นใหม่ๆ เกิดขึ้นเสมอ แม้แต่เทเบิลเทนนิสก็ถูกบรรจุเป็นกีฬาชนิดหนึ่งในกีฬาโอลิมปิกปี 1988 (พ.ศ. 2531) ที่กรุงโซล เกาหลีใต้

เมื่อพูดถึงประวัติกีฬาเทเบิลเทนนิสในประเทศไทย เทเบิลเทนนิสเป็นที่รู้จักในหมู่คนไทยเท่านั้น เทเบิลเทนนิสเป็นครั้งแรกเมื่อนานมาแล้วแต่ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่ากีฬานี้เรียกว่า เทเบิลเทนนิส เข้ามาในประเทศไทยเมื่อใด และใครเป็นคน ก่อตั้งสมาคมเทเบิลเทนนิสสมัครเล่น มีการจัดการแข่งขันจากสถาบันต่างๆ เรื่อยมา รวมทั้งการแข่งขันชิงถ้วยพระราชทานในประเทศไทย

 

บทความที่เกี่ยวข้อง